Wednesday, February 7, 2007

พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านนำไทย พ.ศ. 2456

พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490ตามมาตรา 28 ทวิ กำหนดให้บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของเรือใช้ หรือยอมให้ใช้เรือของตนทำการประมงละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศ และทำให้คนประจำเรือหรือผู้โดยสารไปกับเรือต้องตกค้างอยู่ ณ ต่างประเทศ บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อันเกิดจากการละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งมีจำนวนไม่เกินเจ็ดคนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งค่าวินิจฉัยดังกล่าว กรณีนี้ หากเจ้าของเรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าว ก็จะมีโทษ ตามมาตรา 64 ทวิ ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ

พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ตามมาตรา 28 ซึ่งกำหนดให้คนรับจ้างสำหรับทำการในเรือเดินทะเลคนใด จะเข้าทำการงานหรือมีผู้จ้างทำการงานในเรือกำปั่นชาติสยาม หรือเรือกำปั่นต่างประเทศชาติใดที่ไม่มีกงสุลประจำอยู่ในกรุงสยาม ต้องได้รับอนุญาตเจ้าท่าก่อนจึงทำได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ก็จะเป็นความผิดและมีโทษตามมาตรา 290 ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 500 บาท ถึง 5,000 บาท ดังนั้นหากลูกเรือประมงทำงานในเรือประมงไทย ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าก่อนจะเป็นความผิดและมีโทษดังกล่าว ในกรณีนายเรือตามมาตรา 21 กำหนดให้เรือกล ที่เป็นเรือเดินทะเลและเป็นเรือไทย ขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสส์ขึ้นไป เมื่อจะออกจากเขตท่าเรือใดๆ ในน่านน้ำไทย นายเรือต้องแจ้งกำหนดออกเรือต่อเจ้าท่าก่อนออกเรือเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง เพื่อให้เจ้าท่าตรวจสอบว่าปฏิบัติถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่เสียก่อน เมื่อเห็นว่าถูกต้องแล้วจึงอนุญาตให้เรือออกได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้จะเป็นความผิดและมีโทษตามมาตรา 24 ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 500 บาท ถึง 5,000 บาท ดังนั้น หากนายเรือนำเรือประมงซึ่งเป็นเรือกลที่เป็นเรือเดินทะเล และเป็นเรือไทยขนาดตั้งแต่หกสิบตันกรอสส์ขึ้นไปออกไป โดยไม่แจ้งกำหนดออกเรือต่อเจ้าท่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงก็จะเป็นความผิดและมีโทษ ดังกล่าว

No comments: